6 เหตุผลที่ธุรกิจควรมีเว็บไซต์
1. เพิ่มความน่าเชื่อถือ
อุปมาอุปมัยกับการขายของที่ตลาดนัด ระหว่างคนขายที่ไม่มีหน้าร้าน กับคนขายที่มีหน้าร้าน คนที่มีหน้าร้านย่อมน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้ามากกว่า การมีเว็บไซต์ก็เช่นกัน เว็บไซต์เปรียบเสมือนหน้าร้าน หรือสำนักงานใหญ่บนโลกออนไลน์ ส่วน Social media เปรียบเสมือนออกบูธ หรือสาขาย่อยให้แก่ธุรกิจของคุณในการอำนวยความสะดวกในแง่ของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และสุดท้ายคุณควรใช้ช่องทางเหล่านี้กลับมายังเว็บไซต์หลักของคุณมากกว่า
2. เป็น Content Marketing
Content marketing หรือการตลาดผ่านเนื้อหา เนื้อหาในที่นี้ได้แก่ บทความ รูปภาพ บทความเสียง วีดีโอ อินโฟกราฟฟิก ฯลฯ ที่บรรจุลงในเว็บไซต์ และบทความเหล่านี้จะมีลิงค์เฉพาะ หรือ URL ที่สามารถนำไปเผยแพร่ที่ใดก็ได้เพื่อที่คนคลิ๊กลิงค์แล้วจะถูกส่งกลับมาดูเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ของคุณ
ความหมายของ Content marketing ก็เพื่อสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ หรือคาดว่าน่าสนใจต่อกลุ่มเป้าหมาย และนำไปเผยแพร่ยังช่องทางต่าง ๆ อาทิ Social media, Web board, หรือการติดบน Google search engine เพื่อทำหน้าที่เป็นแม่สื่อในการส่งคนมายังแหล่งกำเนิดของเนื้อหา กรณีนี้คือเว็บไซต์ของคุณเพื่อหวังผลทางธุรกิจ อาทิ เพื่อให้เกิดจำนวนทราฟฟิกภายในเว็บไซต์ และนำทราฟฟิกไปขายโฆษณา หรือเพื่อให้คนเข้ามาเห็นสินค้าและบริการและเกิดการซื้อขาย หรือการสมัครสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเข้าไปอยู่ในวงจร Sales & marketing funnels ต่อไป กระบวนหลังสุดเป็นขั้นตอนของ Inbound marketing
3. เป็น Inbound Marketing
การประชาสัมพันธ์ผ่านโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ หรือการติดป้ายแบนเนอร์ยังเว็บไซต์ที่เป็น media partner ต่างๆ ของคุณเป็นหนึ่งใน Push marketing strategy กรณีนี้จัดอยู่ในกลุ่มของ Outbound marketing ส่วน Inbound marketing จะทำตรงกันข้ามกัน คือ การผลิตสื่อทั้งหมดภายในเว็บไซต์ของตนเองและให้เกิดการหมุนเวียนของผู้คนภายในเว็บไซต์ในระยะยาว
Inbound marketing จึงประกอบไปด้วย บทความประเภทต่าง ๆ, เอกสารหรือของแจกต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบไฟล์ดิจิตอล หรือแบบจับต้องได้เพื่อแลกกับข้อมูลส่วนตัวของผู้สนใจ, เครื่องมือลงทะเบียนเก็บอีเมล์เพื่อส่งข่าวสารไปหาสมาชิก, ระบบสมาชิกเว็บบอร์ดไว้เข้ามาพูดคุย
เหล่านี้เป็น Inbound marketing ที่ทำงานคู่กับ Content marketing โดยตรง และสร้างการหมุนเวียนของคนที่หลงรักเว็บไซต์ของคุณจนกลายเป็น Funnels คือ จากผู้สนใจ เป็นผู้สมัครสมาชิกแบบฟรี และจากสมาชิกกลายเป็นผู้ซื้อและผู้บอกต่อสินค้าและบริการของคุณในที่สุด – ทั้งหมดนี้ต้องมีเว็บไซต์จึงจะทำได้อย่างสมบูรณ์
4. ใช้ทำโฆษณาแบบ Re-Targeting
สมมุติคุณเข้าเว็บไซต์ Agoda แล้วมาล็อกอินเข้า Facebook, Youtube, หรือเว็บไซต์ข่าวบางเว็บไซต์ คุณจะเห็นโฆษณาของโรงแรมหรือห้องพักที่คุณเพิ่งเข้าไปดูมาเมื่อสักครู่ เป๊ะ! — นี่คือ Re-Targeting สามารถทได้ทั้ง Google AdWord และ Facebook Ads, แต่คุณจำเป็นต้องมีเว็บไซต์จึงจะอำนวยความสะดวกในการทำโฆษณาด้วยวิธีนี้
กรณี Facebook Ads จะมีโค้ดที่เรียกว่า Facebook Conversion Pixel สำหรับฝังลงในหน้าเว็บไซต์ที่คุณต้องการเก็บผู้เยี่ยมชมมาไว้ใน Pixel อาทิ บทความออกกำลังกาย จากนั้นเมื่อคุณจะซื้อโฆษณา Facebook เพื่อขายบริการ Personal fitness trainer คุณก็ยิงโฆษณาไปหาเฉพาะคนกลุ่มนี้ นี่คือการ Re-Targeting ซึ่งอุปมาว่าเป็นกลุ่มที่เข้มข้นกว่า ตรงเป้ากว่า โอกาสการผันจากผู้เห็นโฆษณาไปเป็นผู้ซื้อมีสูงกว่า และประหยัดงบโฆษณาโดยรวม เป็นต้น
5. ถูกหาเจอบน Google Search Result
หลายคนถามว่า เขียนบทความลง Social media อย่างเดียวไม่ได้หรือ? ได้ แต่การกลับไปค้นข้อมูลเก่าอาจทำได้ไม่สะดวกเท่าเก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ และโอกาสติด Search engine ก็ต่ำกว่า บทความดี ๆ จำนวนมากที่อยู่บน Social media มักค้นหาไม่เจอ เหตุเพราะโปรแกรมของ Google search engine มีความตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อจำกัดการแสดงผล Social media โดยเฉพาะ และมุ่งเน้นให้ไปแสดงผลการค้นหาของเนื้อหาบนเว็บไซต์มากกว่า กล่าวโดยสรุป เว็บไซต์ มีความเป็น Search friendly มากกว่า Social media
6. ติดตั้งระบบ eCommerce และ Digital marketing มากมาย
ประเทศไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ หรืออาจเป็นประเทศเดียวทีขายของผ่าน Social media แจ้งสลิปโอนเงินทางแชทอย่างเป็นล่ำเป็นสัน — สำหรับต่างประเทศ ได้แก่ ยุโรปและอเมริกา พวกเขาสร้างเว็บไซต์และระบบการค้าขายออนไลน์ขึ้นมาทำงานแทนแทบทั้งสิ้น!
มี Developer ทั่วโลกร่วมกันพัฒนา Software และ application ต่าง ๆ มากมายมหาศาลเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยคุณทำการตลาดและการค้าขายออนไลน์ให้เป็นกึ่งอัตโนมัติที่สุด ไม่ว่าจะเป็น eCommerce software, web analytic software, payment software, customer service software ฯลฯ — ขอเพียงคุณต้องมีเว็บไซต์ คุณก็จะสร้างระบบธุรกิจเหล่านี้ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดหน้าร้านที่เป็น offline หลายสิบ หรือหลายร้อยเท่าตัว
credit : ceoblog.co
สุดท้ายนี้ ทางทีม Gapgrids พร้อมดูแล ให้คำปรึกษาและให้บริการงานออกแบบและงานพิมพ์ครบวงจร ติดต่อเราได้เลย โทร. 092-796-9969, 098-426-6997 | Line@ : @Gapgrids | gapgrids@gmail.com